วิธีชงกาแฟดริป (Drip Coffee | Pour Over Coffee)
กาแฟดริปได้รับความนิยมด้วยภาพลักษณ์ของกาแฟแบบพิเศษที่สื่อออกมาไม่นานมานี้ และมีการถกเถียงกันมากมายเกี่ยวกับวิธีชงกาแฟดริปที่เหมาะสมและอุปกรณ์ดริปที่ดีที่สุดที่ควรนำมาใช้ วิธีชงกาแฟดริปนั้นเป็นการชงกาแฟที่ง่ายแสนง่าย ด้วยขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนวุ่นวาย
การดริปเป็นการเทน้ำร้อนผ่านกาแฟที่บดแล้วในตัวกรอง โดยน้ำจะไหลผ่านกาแฟและตัวกรองลงไปในเหยือกแก้วที่ตั้งรองไว้ด้านล่าง วิธีนี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากาแฟฟิลเตอร์ (filter coffee) หรือกาแฟดริป (drip coffee) อีกทั้งยังรวมถึงการทำกาแฟแบบสกัดเย็น (batch brewers) อีกด้วย
สิ่งที่ทำให้การดริปแตกต่างจากวิธีอื่นคือการรินน้ำลงบนกาแฟด้วยมือ และเป็นวิธีที่ทำให้รสชาติที่ซับซ้อนของกาแฟเด่นชัดขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ จึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสำหรับการชงกาแฟซิงเกิ้ลออริจิ้น เพราะสกัดรสชาติและกลิ่นกรุ่นของกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่ มาดูวิธีทำกาแฟดริปกันเลยค่ะ
อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการชงกาแฟดริป:
อุปกรณ์ดริปกาแฟ (Dripper / Pour-over)
กาดริปกาแฟ (Drip Kettle)
ที่จับเวลา (Timer)
ที่บดกาแฟ (Coffee Grinder) หากยังไม่มีก็ไม่จำเป็นเพราะสามารถสั่งกาแฟที่บดดริป
ตราชั่งหรืออุปกรณ์ตวงอื่นๆ
ช้อนสำหรับคน
วิธีทำกาแฟดริป
ขั้นตอนที่ 1
ต้มน้ำอย่างน้อย 600 กรัม (20 ออนซ์) ให้เดือด
ขั้นตอนที่ 2
บดกาแฟ 30 กรัม (3 ช้อนโต๊ะ) ให้มีความหยาบเทียบเท่าเกลือทะเล หากต้องการเพลิดเพลินไปกับรสชาติที่ละเอียดอ่อนของกาแฟซิงเกิ้ลออริจิ้น เราแนะนำให้ลดปริมาณกาแฟเหลือ 23 กรัม ต่อน้ำ 350 กรัม
ขั้นตอนที่ 3
วางกระดาษกรองลงในถ้วยดริปหากใช้กระดาษกรอง Blue Bottle ก็ไม่จำเป็นต้องรินน้ำล้างกระดาษ แต่ถ้าคุณใช้ กระดาษกรองเบอร์ 2 เราแนะนำให้คุณรินน้ำร้อนล้างกระดาษก่อน จากนั้นเทน้ำที่เหลือลงไปให้หมดก่อนเริ่มการชงกาแฟในขั้นตอนถัดไป
ขั้นตอนที่ 4
ใส่กาแฟที่บดแล้วลงในกระดาษกรองและกดเบา ๆ ให้เรียบ วางถ้วยดริปบนแก้ว คาราฟ หรือถ้วยกาแฟ จากนั้นนำอุปกรณ์ทั้งหมดไปตั้งบนเครื่องชั่ง และเซตตัวเลขให้เป็น 0
ขั้นตอนที่ 5
การทำกาแฟด้วยวิธีนี้จะรินน้ำลงบนกาแฟทั้งหมด 4 ครั้ง ครั้งแรกเป็นครั้งที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้นมากที่สุด เมื่อคุณเห็นกาแฟ “บาน” โดยเมื่อน้ำร้อนสัมผัสกับผงกาแฟครั้งแรกนั้น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกปล่อยออกมา ทำให้ผงกาแฟเกิดการขยายตัวมากขึ้นนั่นเอง
เซตตัวจับเวลา รินน้ำลงบนผงกาแฟช้า ๆ โดยเริ่มจากขอบนอกสุดวนเป็นรูปก้นหอยเข้าไปข้างในจนถึงกึ่งกลางของผงกาแฟ หยุดรินน้ำเมื่อเครื่องชั่งแสดงน้ำหนักที่ 60 กรัม เช็คให้แน่ใจว่าผงกาแฟชุ่มน้ำทั่วดีแล้ว การรินน้ำควรใช้เวลาประมาณ 15 วินาที หลังจากนั้นทิ้งให้น้ำกาแฟค่อย ๆ หยดลงในแก้วที่รองไว้อีก 30 วินาที ก่อนเริ่มรินน้ำครั้งที่สอง
ขั้นตอนที่ 6
เริ่มรินน้ำจากตรงกลางก่อน แล้ววนเป็นรูปก้นหอยออกไปจนถึงขอบข้างนอกและวนย้อนกลับมาข้างในอีกครั้ง อย่าลืมรินน้ำให้ทั่วไปจนถึงขอบของผงกาแฟที่อยู่ในกระดาษกรอง วิธีนี้ช่วยให้ผงกาแฟไม่เกาะตัวเป็นก้อน และสามารถสกัดน้ำกาแฟออกมาได้หมด การรินน้ำครั้งที่สองนี้ให้รินน้ำเพิ่มอีกประมาณ 90 กรัม จะทำให้ปริมาณน้ำกาแฟที่สกัดออกมาเพิ่มเป็น 150 กรัม
จุดประสงค์ของการรินน้ำครั้งที่สองนี้เพื่อทำให้ผงกาแฟยุบตัวลงไปถึงก้นกระดาษกรอง การรินน้ำลงไปแรง ๆ เป็นการ “คน” กาแฟไปในตัว ทำให้น้ำสามารถสกัดกาแฟออกมาได้อย่างทั่วถึง ทิ้งให้ผงกาแฟยุบตัวอีกประมาณ 45 – 65 วินาที
ขั้นตอนที่ 7
เมื่อส่วนผสมของน้ำและกาแฟจากการรินน้ำครั้งที่สองลดลงไปจนถึงก้นกระดาษกรองในระดับที่ใกล้เคียงกับปริมาณผงกาแฟแล้ว ให้รินน้ำเพิ่มอีก 100 กรัม โดยใช้วิธีรินน้ำเหมือนที่ทำในครั้งที่สอง ปริมาณน้ำกาแฟที่สกัดออกมาจะเพิ่มขึ้นเป็น 250 กรัม การรินน้ำในขั้นตอนนี้ควรใช้เวลา 15 – 20 วินาที
ขั้นตอนที่ 8
เมื่อปริมาณน้ำและกาแฟจากการรินน้ำในครั้งที่สามลดลงไปจนถึงก้นกระดาษกรองแล้ว ให้รินน้ำครั้งที่สี่ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายอีก 100 กรัม ปริมาณน้ำกาแฟที่สกัดออกมาจะเพิ่มเป็น 350 กรัม โดยใช้เวลาในการรินน้ำครั้งสุดท้ายนี้ 20 วินาที
ถ้าพูดถึงการดริปกาแฟนั้นจะมีผู้เชี่ยวชาญแนะนำหลายวิธีและเทคนิค แต่หากเราชงดื่มกันทั่วไปที่บ้านนั้น ทางเราจะไม่แนะนำวิธีนั้นเพราะเรามุ่งหมายที่จะให้ข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้นสำหรับคนดื่มกาแฟทั่วๆ ไปเหมือนซูซานนี้แหละค่ะ
หากได้ลองดริปกาแฟแล้วมาเล่าให้ฟังด้วยน่ะค่ะ ที่คอมเมนต์ด้านล่างนี้เลยจ้า
หากคุณมีคำถามใดๆ ก็ตามสามารถทิ้งคำถามไว้ในคอมเมนต์หรือทักมาในไลน์ก็ได้ค่ะ เรายินดีที่จะให้คำแนะนำค่ะไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับเครื่องชงกาแฟ การชง หรือ เมล็ดกาแฟคั่ว
ขอให้สนุกกับการดริปนะคะ!
Susan Villota (Borvornpotsakul).
ผู้ก่อตั้ง Coffee Culture Asia.